วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ให้เล่นโยคะตอนพักงานกลางวันคลายเครียดและทุเลาปวดหลัง



หากว่ารู้สึกเครียดเพราะการงาน ควรจะหาโอกาสฝึกโยคะช่วงพักกลางวันดูบ้าง พอจะช่วยได้ เพราะมีการศึกษาที่อังกฤษพบว่า การเล่นโยคะในที่ทำงาน ช่วยคลายเครียดและทุเลาอาการปวดหลังลงได้

นักวิจัยมหาวิทยาลัยแบนเกอร์ ที่แคว้นนอร์ธ เซลส์ ได้ศึกษากับกลุ่มข้าราชการหญิงชายเมืองน้ำชา วัยระหว่าง 25-64 ปี ที่พากันบ่นว่าเครียดและปวดหลังรบกวน โดยชวนพวกเขาหันมาเล่นโยคะ นาน 2 เดือน

เมื่อครบกำหนด กลุ่มที่เล่นโยคะมีเหลือเพียง 4 คนเท่านั้นที่ยังบ่นว่าปวดหลังอยู่ ในขณะที่พวกที่ไม่เล่นยังปวดหลังอยู่มากถึง 13 คน นอกจากนั้น พวกนักโยคะยังแจ้งว่าอาการปวดหลัง และความรู้สึกเศร้าซึมก็ลดน้อยลง

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยังรู้สึกว่าผู้ที่เข้าร่วมการศึกษาส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง จึงยังไม่อาจบอกได้ว่า หากเป็นผู้ชายจะได้ผลแบบเดียวกันหรือไม่.

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์ 

สธ.เผยโรคข้อเสื่อมทั่วโลกเพิ่มสูงมากขึ้น

410197


รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงสาธารณสุข เผย โรคข้อเสื่อม คุกคามคนทั่วโลกมากขึ้น คาด อีก 10 ปี จะมีผู้ป่วยทั่วโลกถึง 570 ล้านคน ชี้ ไม่รักษา พิการได้
น.พ.สุ รวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ โรคข้อเสื่อม กำลังคุกคามสุขภาพของประชากรทั่วโลก องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ปัจจุบัน ประชากรทั่วโลกป่วยเป็นโรคข้อ โรคกระดูกพรุน โรคกระดูกสันหลัง และโรคที่เกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อ กว่า 40 ล้านคน คาดในอีก 10 ปีข้างหน้า จำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นเป็น 570 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 14 เท่าตัว โดยราวครึ่งหนึ่งเป็นผู้สูงอายุ และกำหนดให้วันที่ 12 ตุลาคมทุกปี เป็นวันโรคข้อสากล และประกาศให้ พ.ศ.2553 - 2563 เป็นทศวรรษแห่งการรณรงค์โรคกระดูกและข้อ เพื่อให้ทุกประเทศทั่วโลกเร่งป้องกันแก้ไข เนื่องจากโรคนี้หากป่วยแล้ว จะเป็นโรคเรื้อรัง เดินอย่างทุกข์ทรมาน รักษาไม่หายขาด  
น.พ.สุ รวิทย์ กล่าวต่อว่า โรคข้อมีมากกว่า 100 ชนิด แต่ที่พบได้บ่อยคือ โรคข้อเสื่อม เข่าเสื่อม โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคกระดูกพรุน โรคปวดหลัง ปวดคอ โรคลูปัส โรคนิ้วล็อก โรคไหล่ติด และโรคกระดูกสันหลังติดแข็ง มักพบในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป จากการประเมินสถานการณ์ในประเทศไทย พบว่ าโรคนี้น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ทั่วประเทศพบผู้ป่วยโรคข้อ ปีละกว่า 6 ล้านคน และในจำนวนนี้ ครึ่งหนึ่งเป็นผู้สูงอายุ ประมาณว่าขณะนี้ผู้สูงอายุไทยที่มีเกือบ 8 ล้านคน ร้อยละ 50 หรือประมาณเกือบ 4 ล้านคน ป่วยเป็นโรคข้อ กล่าวได้ว่า ในผู้สูงอายุทุกๆ 2 คน จะมีผู้เป็นโรคข้อ 1 คน อาการที่พบได้บ่อยคือ อาการปวดจากข้อเสื่อม เข่าเสื่อม เข่าโก่ง เข่าเก หากไม่ได้รับการรักษา กระดูกจะถูกทำลายถึงขั้นพิการได้

ที่มา ไอเอ็นเอ็น

วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

หมาฮีโร่กาบังตรวจร่างกาย เตรียมเข้ารับการผ่าตัดแล้ว







 หลังจากเจ้ากาบัง สุนัขฮีโร่ที่ช่วยชีวิตเด็กสาวชาวฟิลิปปินส์เอาไว้โดยยอมให้รถจักรยานยนต์ชนตัวเองแทน จนทำให้จมูกแหว่งไป และได้เข้ารับการรักษาศัลยกรรมจมูกที่โรงพยาบาลสัตวแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเดวิส ล่าสุด เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเดวิส (UC Davis) ได้อัพเดตผลการรักษาเจ้ากาบังเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (11 ตุลาคม)
 

          โดยทีมสัตวแพทย์ที่ทำการรักษานำโดยสัตวแพทย์ประจำหน่วยศัลยกรรมช่องปากและฟัน โบอาซ อาร์ซี ได้ทำการการตรวจสุขภาพเบื้องต้น พร้อมทั้งตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เพื่อให้แน่ใจว่ากาบังอยู่ในสภาพที่แข็งแรงพร้อมเข้ารับการรักษาขั้นต่อไป ซึ่งแพทย์เปิดเผยด้วยความยินดีว่า กาบังมีสุขภาพที่ดี ทำให้มั่นใจว่า จะสามารถรักษากาบังได้อย่างดีที่สุด 

          ทั้งนี้ หลังจากทีมรักษาเจ้ากาบังได้ปรึกษาแผนการรักษาเจ้ากาบังกันแล้ว เผยว่า เจ้ากาบังจะต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 2 ครั้ง ในครั้งแรกจะโฟกัสไปที่งานทันตกรรม ส่วนครั้งที่ 2 จะพยายามเย็บบาดแผล ตกแต่งใบหน้า ไม่ให้ติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการใส่จมูกเทียมให้เจ้ากาบังหรือตัดแต่งกรามใด ๆ ก็ตาม ทั้งนี้ เจ้ากาบังจะเข้ารับการรักษาที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเดวิสประมาณ 6 สัปดาห์ 


ที่มา กระปุกดอทคอม 

วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555

จ๊าก !!!! ลูกตายักษ์ลอยมาติดฝั่ง



ฮือฮา..พบลูกตายักษ์คาดอาจเป็นของปลาหมึกที่อาศัยอยู่ในทะเลลึก จนท.สัตว์ป่ารัฐฟลอริดา ส่งลูกตาดังกล่าวไปที่ศูนย์วิจัย เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัฐฟลอริดา เพื่อตรวจสอบหาความจริงต่อไป


วันนี้ (12 ต.ค.)สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองไมอามี่ รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ข่าวที่แพร่สะพัดออกมาว่า พบลูกตายักษ์ลอยขึ้นมาจากทะเล พบที่ชายหาดรัฐฟลอริดานั้น ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์และประชาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเล
หลังจากที่มีผู้เดินเล่นอยู่บนชายหาดปอมปาโน รัฐฟลอริดา เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ได้แจ้งว่า พบลูกตาประหลาดขนาดใหญ่ลูกหนึ่ง จึงส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
เรื่องนี้ นางฮีเธอร์ แบรคเค่น-กริสซัม ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งภาคชีววิทยา มหาวิทยาลัยฟลอริดา อินเตอร์เนชั่นแนล เมืองไมอามี่ กล่าวว่า ลูกตาสีน้ำเงินขนาดใหญ่นั้นอาจจะเป็นของปลาหมึกที่อาศัยอยู่ในทะเลลึก หรือไม่ก็ปลาดาบที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเธอเองก็เริ่มสนใจที่จะศึกษาหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ พร้อมกับเพื่อนร่วมงานของเธอ หลังจากพบภาพนี้เผยแพร่อยู่ในอินเตอร์เน็ต
ผู้ช่วยศาสตราจารย์แบรคเค่น-กริสซัม กล่าวต่อไปว่า เลนส์และลูกตาดำของเจ้าลูกตานี้ มีขนาดใกล้เคียงกับปลาหมึกที่อาศัยอยู่ในทะเลลึก ซึ่งตัวลูกตาดำอาจมีขนาดใหญ่เท่ากับลูกฟุตบอลก็ได้ และหลุดออกมาได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สัตว์ป่ารัฐฟลอริดา ได้ส่งลูกตาดังกล่าวไปที่ศูนย์วิจัย ในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัฐฟลอริดา เพื่อตรวจสอบต่อไป

ที่มา เดลินิวส์ 

ยานสำรวจนาซา พบหินดาวอังคาร แร่ธาตุคล้ายโลก



ยานเคอเรียสซิตี้ตรวจสอบหินบนดาวอังคาร บนเหมือนหินอัคนี มีคุณสมบัติทางเคมีคล้ายหินบนโลก...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 12 ต.ค. ว่า ทีมนักวิทยาศาสตร์ เลือกหยิบก้อนหินจากพื้นผิวดาวอังคาร มาตรวจสอบด้วยเลเซอร์ ที่ติดตั้งบนยานสำรวจเคอเรียสซิตี้ ขององค์การการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) โดยแรกเริ่มเชื่อว่าจะพบแร่ธาตุชนิดเดียวกับที่พบทั่วๆ ไปบนดาวแดงดวงดังกล่าว แต่สุดท้ายกลับต้องประหลาดใจเมื่อค่าที่ได้นั้นคล้ายกับหินบนโลกมนุษย์

สำหรับหินดังกล่าวตรวจสอบพบมีความคล้ายคลึงกับหินแปลกๆ ที่พบบริเวณหมู่เกาะในมหาสมุทร อาทิ ฮาวาย และ เซนต์ เฮเลนา และเช่นเดียวกับแผ่นดินใหญ่ที่แยกออกมา อย่างเช่น ริโอ แกรนด์ ที่ยื่นออกมาจาก โคลราโด สหรัฐฯ ไปจนถึงชิวาวา ของเม็กซิโก 

ราล์ฟ เกลเลิร์ต นักวิทยาศาสตร์ประจำเคอเรียสซิตี้ จากมหาวิทยาลัยเกลวฟ์ เมืองออนตาริโต ประเทศแคนาดา เผยว่า "สิ่งที่เราพบเกี่ยวกับก้อนหินนี้ค่อนข้างน่าแปลกใจ มันเป็นหินอัคนี ซึ่งเกิดจากการเย็นตัวของหินหนืด หรือหินหลอมเหลว และดูเหมือนว่าจะเป็นหินชนิดใหม่ที่เราค้นพบบนดาวอังคาร".

ที่มา ไทยรับออนไลน์ 

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

(คลิป) ทึ่ง !!!! ลูกหมูว่ายน้ำช่วยลูกแพะ



ภาพนาทีที่่ลูกแพะกำลังจะจมน้ำ ทันใดนั้นเจ้าหมูน้อยได้กระโดดลงไปใช้ปากของมันดัน จนลูกเเพะขึ้นถึงฝั่งอย่างปลอดภัย

ฮือฮา!พบตุ๊กแก2หาง-แห่ขอโชคอื้อ




ฮือฮา!พบตุ๊กแก2หาง-แห่ขอโชคอื้อ

ฮือฮา!พบ'ตุ๊กแก2หาง'ที่วัดดังลำปาง ชาวบ้านแห่ขอโชคลาภ ตีเลขเด็ด

              11 ต.ค.55 ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจาก ชาวชุมชนศรีปงชัย ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง ว่า พบ ตุ๊กแก 2 หาง อาศัยอยู่ภายในวัดศรีปงชัย เลขที่ 1 หมู่ 6 ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง และมีชาวบ้านจำนวนมากพากันแห่กราบไหว้และดูความแปลกประหลาด

   จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพิสูจน์ เมื่อไปถึงพบชาวบ้านจำนวนมาก กำลังพากันมุงดู ตุ๊กแก ที่ถูกเลี้ยงไว้ในกรงตาข่ายขนาดกว้าง 60 ซม.ยาว 1.50 ม. สูง 80 ซม. ซึ่งมีลักษณะเหมือนตุ๊กแกทั่วไปแต่สีออกเผือกสดนวล สภาพสมบูรณ์ แข็งแรง หางจะงอกออกมามี 2 หาง ซึ่งสร้างความแตกตื่นแก่ชาวบ้านอย่างมาก
               พระปลัดชัยภัทร ขนฺติธโร เจ้าอาวาสวัดศรีปงชัย อายุ 49 ปี เปิดเผยว่า เจ้าอาวาสวัดเปิดเผยว่า ตุ๊กแก 2 หางตัวนี้ มีชาวบ้านใน อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง นำมาถวายเมื่อปลายเดือน ก.ย.2555 ที่ผ่านมา ลักษณะตุ๊กแกก็เหมือนตุ๊กแกทั่วไป อาตมาเลี้ยงไว้ในกรงตาข่าย กลางวันคลุมผ้าไว้กลางคืนเปิดไฟเพื่อให้หาแมลงกิน พอชาวบ้านใกล้เคียงทราบข่าวว่าที่วัดมีตุ๊กแก 2 หาง ที่เลี้ยงไว้จึงเดินทางมาดูเป็นจำนวนมาก อาตมาไม่อยากให้ญาติโยมงมงาย แต่ก็ห้ามไม่ได้เพราะคนไทยเชื่อเรื่องเครื่องลางของขลัง ซึ่งชาวบ้านต่างพาตีเลขเด็ด

ที่มา คมชัดลึก 

2 เพศในร่างเดียว แปลกแต่จริง



ธรรมชาติเล่นตลก หนุ่มลำปาง 2 เพศในร่างเดียว เจ้าตัวขอแพทย์รับรองเพศหวังบวชพระทดแทนคุณ ผลตรวจระบุ "เพศกำกวม" แต่ค่อนมาทางชาย ท้ายสุดอำเภอออกบัตรประชาชนให้ใหม่ ได้เป็น "นาย" สมใจ...



เมื่อวันที่ 11 ต.ค. เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานอัยการประจำจังหวัดลำปาง แจ้งว่ามีหนุ่มวัย 30 ปี ทราบชื่อ นายกฤตภัค ดวงไชย หรือวิว อยู่บ้านเลขที่ 306 บ้านทราย หมู่ 4 ต.ต้นธงชัย อ.เมือง จ.ลำปาง เข้ามาขอความช่วยเหลือ เพราะที่ผ่านมาตลอด 30 ปี ต้องทนอยู่กับร่างกายที่มีอวัยวะเพศทั้งอวัยวะเพศชายและหญิงในร่างกาย ซึ่งหลังคลอดมา มารดาแจ้งการเกิดโดยใช้คำนำหน้าเป็น ด.ญ.จากนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นนางสาว แต่ปัจจุบันอายุ 30 ปี ตนเองก็เป็นชายเต็มตัว และมีแฟนสาว และที่สำคัญในชีวิตนี้ตั้งใจบวชเป็นพระ แต่ก็ติดที่ร่างกายตนเองมีทั้งเพศหญิงและเพศชาย

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับสรีระร่างกายนายกฤตภัคนั้น พบว่าอวัยวะเพศหญิงจะอยู่ด้านล่าง และเหนือขึ้นมาเป็นอวัยวะเพศชาย ซึ่งนายกฤตภัคก็ได้ไปที่ รพ.ลำปางเพื่อให้แพทย์ตรวจร่างกายแล้ว โดยทางแพทย์ รพ.ลำปาง ระบุตามใบรับรองแพทย์ออกมาว่า มีลักษณะอวัยวะเพศกำกวม และจากการตรวจร่างกายและตรวจเลือด โครโมโซมมีเพศค่อนข้างไปทางเพศชาย  มีหนวด และมีขนหน้าแข้ง 

จากนั้นหลังการตรวจจากแพทย์แล้ว นายกฤตภัค ดวงไชย จึงนำใบรับรองแพทย์ไปที่ว่าการอำเภอเมืองลำปางเพื่อขอเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ โดยที่ว่าการอำเภอได้ออกบัตรประชาชนให้ใหม่ และได้ใช้คำนำหน้าเป็น "นาย" อย่างเต็มตัวแล้ว.

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์ 

วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ผัวตะลึง! ศพเมียฟื้นขึ้นมาขอน้ำดื่ม อยู่ได้อีก 2 ชม.ก่อนสิ้นใจ


ภาพไม่เกี่ยวกับข่าว

 สามีเดินทางไปรับศพภรรยาที่เสียชีวิตด้วยโรคเบาหวานและไตที่โรงพยาบาลลพบุรี เพื่อจะนำขึ้นรถไปฝังที่กุโบร์ แต่ภรรยากลับฟื้นขึ้นมาขอน้ำดื่ม พอได้ดื่มน้ำหวานกลับมีชีวิตอยู่ต่ออีก 2 ชม. ก่อนสิ้นลมอีกครั้ง สร้างความตะลึงให้กับญาติเป็นอย่างมาก คาดฤทธิ์ยากระตุ้นหัวใจ...

เมื่อ เวลา 14.00 น. วันที่ 10 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งว่ามีคนตายแล้วฟื้นที่มัสยิดอัลยุสรอสามัคคี หมู่ 1 ต.ชะไว อ.ไชโย จ.อ่างทอง จึงรุดไปตรวจสอบ พบว่ามีชาวบ้านในชุมชนบ้านชะไว ซึ่งเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามกำลังช่วยกันทำความสะอาดศพนางฟาติมา เดชพงษ์ อายุ 43 ปี ที่เพิ่งเสียชีวิตลงเตรียมนำไปฝัง จากการสอบถามนายประยูร เดชพงษ์ อายุ 53 ปี สามีผู้ตายเล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุได้เดินทางไปประกอบอาชีพที่ จ.สิงห์บุรี ต่อมาภรรยาป่วยเป็นโรคเบาหวานและโรคไต จึงพาเข้ารับการรักษาที่ รพ.ลพบุรี แต่อาการทรุดหนัก

จนเมื่อช่วงเวลา 11.00 น. ภรรยาได้เสียชีวิต ตนจึงขอรับศพออกจาก รพ. เพื่อนำกลับมาฝังที่กุโบร์บ้านชะไวตามประเพณีของชาวอิสลาม แต่ปรากฏว่า ระหว่างที่ขับรถบรรทุกศพกลับมา นางฟาติมา เกิดหายใจขึ้นมาได้อีกครั้ง หลังมาถึงที่มัสยิดยังขอน้ำดื่ม ซึ่งตนได้รีบชงน้ำหวานให้ดื่มไป 1 แก้ว แต่อยู่มาได้อีก 2 ชม. ภรรยาของตนก็หยุดหายใจเสียชีวิตลงอีกครั้ง สร้างความแปลกประหลาดใจให้กับญาติไปตามๆ กัน คาดว่าคงเป็นเพราะฤทธิ์ยากระตุ้นการเต้นของหัวใจที่แพทย์ให้ยังไม่หมดฤทธิ์ จึงหายใจขึ้นมาได้ชั่วขณะ พอยาหมดฤทธิ์จึงเสียชีวิตลงอย่างสงบ.

ที่มาไทยรัฐออนไลน์ 

4 วิธีเซ็กซ์สุขสันต์ หากเจอ'อนาคอนด้า'รอขย้ำ!!!



 คุณผู้ชายที่มั่นใจกับขนาดมังกรผงาดส่วนล่างของตัวเอง ไทยรัฐออนไลน์ได้นำความในใจของสาวๆ มาบอกกล่าว...ว่า แท้จริงแล้ว ขนาดที่ใหญ่เกินไป มันไม่ได้สร้างความเสียวอย่างที่คาด แต่มันเจ็บน้องหนูซะมากกว่า ดังนั้น หากต้องการสร้างเกมส์รักที่หวาบหวามเร้าใจคนทั้งคู่โดยไม่สร้างความเจ็บปวด ให้อีกฝ่าย เคล็ดวิธี 4 ข้อดังต่อไปนี้ จะช่วยให้รอยน้ำตาจากความเจ็บปวด กลายเป็นรอยยิ้มจากความสุขสมอย่างแน่นอน

1. ลื่นไว้ก่อน

น้ำ หล่อลื่นตามธรรมชาติในช่องคลอดของฝ่ายหญิงอาจไม่พอเพียงกับอวัยวะอันมหึมา ของชายหนุ่มตรงหน้า ดังนั้น ขอให้สาวๆเตรียมน้ำหล่อลื่นสังเคราะห์ที่หาซื้อได้ตามท้องตลาด ซึ่งทากับมังกรยักษ์เจ้าปัญหาให้เยิ้มตามใจชอบ เพื่อลดการเสียดสีขณะสงครามรักเริ่มบรรเลง ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรหาซื้อสารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำหรือซิลิโคนจะดีกว่าส่วนผสมของ น้ำมัน เนื่องจากน้ำมันก่อให้เกิดเชื้อราในช่องคลอดได้



 2. ท่าต้องห้าม

ชายหนุ่มที่รู้ตัวว่ามีดีที่ขนาด ควรหลีกเลี่ยงรังแกฝ่ายหญิงด้วยการส่งงูยักษ์เข้าประตูหลัง เนื่องจากช่องทางลำเลียงไม่ขยายตัวยืดหยุ่นเหมือนช่องทางปกติของสาวๆ อีกทั้งไม่มีน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติอย่างที่กล่าวมาข้างต้น แต่หากหนุ่มๆ จะเดินหน้าเต็มกำลังบนเส้นทางปกติด้วยท่า Doggy Style ก็อยากแนะนำไว้อีกเล็กน้อยว่า 'ไม่สมควร' เพราะท่านี้เหมาะสำหรับผู้ชายมีน้อยค่อยบรรจงส่งอาวุธให้สุดด้าม สิ่งที่มันยาวและใหญ่เกินมาตรฐาน อาจทำให้สาวๆ เจ็บโดยไม่รู้ตัว




 3. ท่าเด็ดเสร็จทุกราย

แม้จะมีท่าต้องห้ามสำหรับ อนาคอนด้าใหญ่เสียหลายท่วงท่า แต่ใช่ว่าท่าเด็ดที่หญิงข้างกายอาจร้อง 'ขออีกรอบ' ก็มีให้เลือกเยอะพอตัว เริ่มต้นที่ท่าพื้นฐาน Missionnary และท่า นอนตะแคงข้าง ซึ่งคงไม่ต้องบรรยายลักษณะท่าทางให้มาก นอกจากนี้ ท่าสุดท้ายน่าจะถูกใจฝ่ายหญิงให้มีโอกาสได้คุมเกมส์กันบ้าง กับท่า Woman on top ซึ่งขอบอกให้หนุ่มๆ นอนร้องคราญให้สบายอารมณ์ ปล่อยให้สาวๆ ได้ควบคุมจังหวะเพื่อป้องกันไม่ให้น้องสาวเจ็บตัว แต่ให้ความรู้สึกเสียวแทน



 


4. ช้าแต่ชัวร์

ข้อสุดท้ายสำหรับศึกรักขนาดจัมโบ้ คือ จังหวะ อยากแนะนำว่า ห้ามเร่งจังหวะให้เร็วเกินไปนัก อย่างที่รู้ว่าพอขนาดมันใหญ่ การเสียดสีจะรุนแรงมากขึ้นเป็นเท่าทวี ดังนั้น หากทำอย่างนุ่มนวล ไม่เร่งรีบร้อน แม้จะช้าไม่เร้าใจ แต่เชื่อได้เลยว่า ทั้งสองฝ่ายจะสุขสันต์ไม่มีวันลืม.







 ที่มา ไทยรัฐออนไลน์














รถยนต์ขึ้นไปจอดบนระเบียงตึกได้ไง?




     การหาที่จอดรถในเมืองใหญ่ ๆ ที่มีรถราเยอะแยะมากมาย นับว่าเป็นเรื่องท้าทายสำหรับผู้ขับขี่ทั้งหลาย เพราะแน่นอนว่า มันหาที่จอดกันได้ยากมาก ๆ จึงไม่แปลกที่เราจะได้เห็นการจอดรถแบบแปลก ๆ กันอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่ว่าจะแปลกอย่างไร เชื่อว่าคงไม่มีอะไรที่พิสดารได้มากเท่ากับการจอดรถในยูเครนที่เรานำภาพมาฝากกันวันนี้แน่ ๆ เพราะมันเหนือความคาดหมาย และเชื่อได้ว่าไม่มีใครกล้าลอกเลียนแบบแน่นอน

          ก็จะไม่ให้เป็นอย่างนั้นได้อย่างไร เมื่อรถยนต์คันที่ว่านี้ ดันขึ้นไปจอดโชว์หราอยู่บนระเบียงอพาร์ทเม้นท์ชั้น 3 ซะอย่างนั้น แถมระเบียงอพาร์ทเม้นท์นั้นก็มีพื้นที่พอ ๆ กับตัวรถชนิดที่ว่าลงล็อคกันพอดีด้วยสิ งานนี้ ชาวยูเครนที่ขับรถผ่านไปผ่านมา รวมทั้งคนเดินถนนก็เลยอึ้ง ทึ่ง กันแบบต้องอ้าปากค้าง ใครนะใครช่างกล้า เอารถขึ้นไปจอดโชว์หราอยู่ตรงนั้นได้ และที่ฉงนกันสุด ๆ ก็คือ เจ้าของรถเอารถขึ้นไปจอดบนนั้นด้วยวิธีใดกันหนอ

          พอคิดไปคิดมา งานนี้หนทางที่เป็นไปได้คงมีแค่อย่างเดียว ก็คือเอารถเครนยกขึ้นไปนั่นแหละ เพราะเห็นกันแน่ชัดว่า ประตูริมระเบียงนั้นไม่ได้กว้างพอให้รถผ่านออกไปได้อยู่แล้ว และถึงกว้างพอ ก็ไม่สามารถจอดรถได้พอดิบพอดีแบบนั้นแน่ ๆ 

           เฮ้อ.. ว่าแต่จะเอารถขึ้นไปวางบนนั้นทำไมกันนะ ขับก็ไม่ได้ เคลื่อนไปไหนก็ยังไม่ได้อีก อ๊ะ!! หรือนี่จะเป็นวิธีการโฆษณารถรูปแบบใหม่กันแน่หว่า แหม่.. ถ้าเป็นอย่างนั้นละก็ ขอคารวะเจ้าของความคิดสักจอกสองจอก ฉลาดจริง ๆ

ที่มา กระปุกดอทคอม 

เปิดชีวิตหลังลูกกรง ของ นพ.วิสุทธิ์ มือฆ่าหั่นศพ พญ.ผัสพร

เปิดชีวิตหลังลูกกรง ของ นพ.วิสุทธิ์ มือฆ่าหั่นศพ พญ.ผัสพร

เปิดชีวิตหลังลูกกรง ของ นพ.วิสุทธิ์ มือฆ่าหั่นศพ พญ.ผัสพร


 เมื่อ 11 ปีที่แล้ว (พ.ศ. 2544) คดีฆ่าหั่นศพ พญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ อดีตสูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลบุรฉัตรไชยากร ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้วงการแพทย์อีกครั้ง จนกลายเป็นอีกหนึ่งคดีอาชญากรรมในตำนานที่ผู้คนจดจำได้ เมื่อผู้ที่ลงมือสังหาร พญ.ผัสพร คือ คู่ชีวิตของเธอที่ถูกยกให้เป็นสูตินรีแพทย์ฝีมือดีระดับเอเชีย...ผศ.นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ อดีตสูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
          คดีดังกล่าวได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามลำดับชั้นมาเป็นเวลาหลายปี ตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ จนถึงศาลฎีกา ซึ่งทุกศาลก็เห็นพ้องพิพากษาให้ประหารชีวิต นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ฐานกระทำความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้ตายให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จากคดีฆ่าชำแหละศพ และอำพรางศพภรรยาของตัวเอง

เปิดชีวิตหลังลูกกรง ของ นพ.วิสุทธิ์ มือฆ่าหั่นศพ พญ.ผัสพร

 ระหว่างที่กระบวนการต่าง ๆ ดำเนินไป นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ แทบไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเลย กระทั่งถึงวันนี้ นพ.วิสุทธิ์ ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำบางขวางเป็นเวลา 9 ปีแล้ว และพร้อมที่จะเปิดใจถึงชีวิตภายใต้กำแพงสูงแห่งนี้ ในฐานะ "นักโทษชาย" ผ่านรายการตีสิบ เมื่อคืนวันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555
          หลังจากถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำบางขวางมา 9 ปี วันนี้ นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ในวัย 60 ปี ได้รับพระราชทานอภัยโทษจนเหลือเพียงจำคุก ซึ่งตอนนี้ก็เหลือเวลาต้องรับโทษอีก 17 ปี โดย นพ.วิสุทธิ์ เข้ามาในเรือนจำบางขวางเมื่อปี พ.ศ. 2546 ก่อนจะได้รับพระราชอภัยโทษครั้งแรกจากประหารชีวิตเหลือจำคุกตลอดชีวิตในปี พ.ศ. 2550 และในปีต่อ ๆ มา ก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษในอีกหลายครั้ง

เปิดชีวิตหลังลูกกรง ของ นพ.วิสุทธิ์ มือฆ่าหั่นศพ พญ.ผัสพร

 เป็นเวลา 4 ปีเต็ม ๆ กว่าที่ นพ.วิสุทธิ์ จะปลดคำว่า "นักโทษประหารชีวิต" ออกจากตัวเองได้ ซึ่ง นพ.วิสุทธิ์ บอกว่า การเข้ามาอยู่ในคุกช่วงแรก ๆ เหมือนตกนรกทั้งเป็น เพราะเหมือนสูญเสียทุกอย่าง โดยเฉพาะอิสรภาพที่ต้องถูกล่ามโซ่ตรวน และเข้ามาอยู่ในแดนประหาร ซึ่งมีกฎเกณฑ์เข้มงวดที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นต้องคอยลุ้นทุกวันว่าจะถึงตาเราหรือยังที่จะได้รับโทษ ทำให้ชีวิตในคุกปีแรกได้รับความทรมานที่สุด
          อดีตแพทย์สูตินรีเวชที่ปัจจุบันเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ยอมรับว่า ตัวเองรู้สึกเครียดมากในช่วงแรก ๆ กระทั่งวันที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษให้เหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต เหมือนกับตายแล้วเกิดใหม่ และทำให้เขาได้ไตร่ตรองว่า ต้องใช้ชีวิตอย่างไรให้ดีที่สุด เพราะชีวิตที่ได้คืนมาคือสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าเดิม ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ชีวิตอย่างประมาท โดยปล่อยให้ความโลภ ความโกรธ ความหลงมาครอบงำ ทำให้ชีวิตไร้คุณค่า นพ.วิสุทธิ์ บอกว่า ปัจจุบัน เขากลายเป็นคนที่มีความโกรธน้อยลง และให้อภัยง่ายขึ้น

เปิดชีวิตหลังลูกกรง ของ นพ.วิสุทธิ์ มือฆ่าหั่นศพ พญ.ผัสพร

  ชีวิตในเรือนจำของ นพ.วิสุทธิ์ ไม่ต่างจากนักโทษชั้นเยี่ยมคนอื่นทั่วไป ไม่ได้มีสิทธิพิเศษ เว้นแต่การได้รับมอบหมายให้ช่วยดูแลผู้ต้องขังที่ป่วย แม้ว่าเขาจะถูกยึดใบประกอบโรคศิลป์ ไม่สามารถเป็นแพทย์ได้อีก แต่ผู้อำนวยการแพทย์ก็อนุญาตให้เขาทำหน้าที่ตรงนี้ เพราะมีผู้ต้องขังจำนวนมากที่ป่วยและต้องการการดูแล ซึ่งส่วนหนึ่งก็ป่วยเป็นโรคเอดส์ และวัณโรค ที่แพร่เชื้อได้ง่ายในสภาพแวดล้อมเช่นนี้
          ขณะเดียวกัน นพ.วิสุทธิ์ ก็ได้ใช้ความรู้ทางวิชาชีพที่มีติดตัวมา เป็นคอลัมนิสต์ตอบปัญหาสุขภาพลงในหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ "ข่าวจิตต์เสรี" ซึ่งแจกภายในเรือนจำทั่วประเทศ ในนามปากกาว่า "หมอธรรมดา" พร้อมกับเขียนหนังสือ "กว่าจะฝ่าข้ามความตาย" เปิดใจหลังกำแพงเรือนจำ ที่ใช้เวลาเขียนถึง 2 ปี โดยมีเจตนาจะบอกให้คนภายนอกรู้ว่า อย่าเข้ามาในเรือนจำเลย ดังนั้น จงใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาทจะดีที่สุด

เปิดชีวิตหลังลูกกรง ของ นพ.วิสุทธิ์ มือฆ่าหั่นศพ พญ.ผัสพร

  เมื่อถามว่าเคยเตรียมใจไว้บ้างไหม หากวันหนึ่งได้เดินออกเรือนจำนี้ไปแล้วต้องไปเผชิญกับสายตาที่คนในสังคมมองมา หรืออาจจะเผชิญกับคำถามจากคดีที่เกิดขึ้น เรื่องนี้ นพ.วิสุทธิ์ บอกว่า ก็ต้องเตรียมใจไว้ไม่ให้ผูกติดกับรัก โลภ โกรธ หลง มากนัก เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่ไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้เราท้อแท้ที่จะทำประโยชน์ต่อไป ทั้งนี้ ก็มั่นใจในการเตรียมตัวที่จะช่วยให้เรามีจิตใจที่มั่นคง มองโลกในแง่ดี จากโครงการพัฒนาจิตใจภายในเรือนจำที่มีโปรแกรมเข้ามาให้ฝึกเรื่อย ๆ ซึ่งก็ทำให้เขาได้พัฒนาตัวตนด้านในขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
          "หากออกไปคงไม่สามารถกลับไปเป็นหมอได้เหมือนเดิม จะไปขอใบประกอบคงโรคศิลป์ไม่ได้ คงต้องไปทำสาระประโยชน์อีกแบบหนึ่ง แต่ก็ไม่ซีเรียสเรื่องนั้น เพราะก็จะใช้ชีวิตแบบคนเกษียณ ไปช่วยเหลืองานเท่าที่ช่วยเหลือได้" นพ.วิสุทธิ์ กล่าวในที่สุด

ที่มา กระปุกดอทคอม 



“กิตติ สิงหาปัด”รวยห่างชั้น“ไร่ส้ม-สรยุทธ”35 เท่า

“กิตติ สิงหาปัด”รวยห่างชั้น“ไร่ส้ม-สรยุทธ”35 เท่า


สำนักข่าวอิศราเปิดเม็ดเงินรายได้"กิตติ สิงหาปัด"เจ้าของรายการข่าว 3 มิติ เทียบไม่ได้กับ"สรยุทธ สุทัศนะจินดา" บ.ฮอทนิวส์ 4 ปี 75 ล้าน ห่างชั้น บ.ไร่ส้ม 35 เท่า
นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา นักเล่าข่าวชื่อดัง เจ้าของ บริษัท ไร่ส้ม จำกัด และบริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จำกัด มีรายได้ในรอบ 8 ปีกว่า 2,600 ล้านบาท กำไรสุทธิ รวมกว่า 1,047 ล้านบาท แบ่งเป็น
1.บริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จำกัด รายได้รวม 413,872538.43 บาท กำไรสุทธิรวม 146,965,938.89 บาท สินทรัพย์ปี 2554 จำนวน 43,562,336 บาท หนี้สิน 17,545,037 บาท
2.บริษัท ไร้ส้ม จำกัด มีรายได้รวม 2,210,697,784.67 บาท กำไรสุทธิ 900,309,814.92 บาท สินทรัพย์ปี 2554 จำนวน 230,276,877 บาท หนี้สิน 68,696,478 บาท
ขณะที่สถานะทางธุรกิจของนายกิตติ สิงหาปัด ผู้ดำเนินรายการ"ข่าว 3 มิติ"ต่างกันราวฟ้ากับเหว
สำนักข่าวอิศรา www.isranew.org ตรวจสอบพบว่า นายกิตติเป็นเจ้าของ บริษัท ฮอทนิวส์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 8 สิงหาคม 2551 ทุน 1 ล้านบาท ประกอบกิจการผลิตรายการเพื่อเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ วิทยุสื่อสิ่งพิมพ์ทุกชนิด รับจ้างโฆษณา ประชาสัมพันธ์ทุกชนิด ที่ตั้งเลขที่ 31 ซอยยาสูบ 2 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 เมษายน 2555 นายกิตติ สิงหาปัด ถือหุ้น 60,000 หุ้น (60%) นายจาตุรงค์ สุขเอียด 30,000 หุ้น (30%) นางกรกนก แก้วธรรมชัยาย 10,000 หุ้น (10%) นายกิตติ เป็นกรรมการ
จากการตรวจสอบพบว่า ในรอบปี 2554 บริษัท ฮอทนิวส์ จำกัด แจ้งผลประกอบการรายได้ 28,318,713.05 บาท กำไรสุทธิ 7,136,110.25 บาท สินทรัพย์ 24,947,835.47 บาท หนี้สิน 2,990,048.11 บาท มีรายได้มากกว่าปี 2553 จำนวน 6,263,011.70 บาท กำไรสุทธิสูงกว่าปี 2553 จำนวน 1,022,993.20 บาท
รวมรายได้ตั้งแต่ปี 2551-2554 บริษัท ฮอทนิวส์ จำกัด มีรายได้รวม 75,073,174.75 บาท กำไรสุทธิรวม 20,957,787.36 บาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบรายได้ของบริษัท ไร่ส้ม จำกัด และบริษัท ชัดถ้อยชัดคำ จำกัดของนายสรยุทธ รวมกัน บริษัท ฮอทนิวส์ จำกัด มีรายได้น้อยกว่า 34.96 เท่า กำไรสุทธิน้อยกว่า 49.97 เท่า
ขณะที่บริษัท ไร่สม จำกัดเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานรัฐ คือ ปตท. ธนาคารออมสิน และ กรมส่งเสริมการส่งออก รวม 23 ครั้งวงเงินรวม 150,641,584 บาท
จากการตรวจสอบไม่พบว่าบริษัท ฮอทนิวส์ จำกัดเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐในการทำประชาสัมพันธ์
ประการสำคัญนายกิตติมิได้ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลว่าพัวพันกับการยักยอกทรัพย์ อสมท. 138 ล้าน เหมือนเพื่อนร่วมช่อง
ที่มาสนุกดอทคอม 

วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ตื่น! ชาวจีนฮือฮาพบไข่ประหลาดมีหางโผล่

    ไข่ประหลาดมีหางโผล่   

   เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม สำนักข่าวจีนรายงานว่า เกิดเหตุการณ์ประหลาดที่บ้านของชายแซ่หวู่ ที่เมืองตันโจว มณฑลไห่หนานของจีน หลังจากที่แม่ไก่ที่เลี้ยงไว้ออกลูกเป็นไข่มีหางสุดพิลึก สร้างความตื่นตกใจให้แก่ครอบครัวและชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง

            โดย นายหลิน เจ๋อหมิ่น นักวิจัยอาวุโสที่ศูนย์วิจัยโรงพยาบาลสัตว์แห่งวิทยาลัยการเกษตรในมณฑลไห่หนาน ชี้แจงว่า เป็นไปได้ว่าสาเหตุที่แม่ไก่ออกไข่มีหางเช่นนี้ อาจเป็นเพราะในตอนที่แม่ไก่กำลังเบ่งไข่ออกมามีสิ่งรบกวนจากภายนอกทำให้แม่ไก่ตกใจ ทั้งนี้ หากแม่ไก่ตัวที่ออกไข่ประหลาดนี้ ไม่มีโรคในตัวก็ถือว่าเป็นเรื่องประหลาดจริง ๆ

            อย่างไรก็ตาม นายหลิน เจ๋อหมิ่น ยังกล่าวด้วยว่า ไข่ฟองนี้คาดว่าจะมีสารอาหารไม่ต่างจากไข่ทั่วไป และสามารถรับประทานได้โดยไม่ก่ออันตรายต่อสุขภาพร่างกายแต่อย่างใด

            ทั้งนี้ สำหรับการออกไข่มีหางเช่นนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เนื่องจากก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีข่าวที่การออกไข่มีหางเมืองหูโข่วเช่นกัน ซึ่งจนถึงขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ โดยตั้งข้อสังเกตเพียงว่าอาจเป็นไปได้ที่แม่ไก่เกิดความเครียดเท่านั้น
ที่มา กระปุกดอทคอม 

วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555

“หลิวเต๋อหัว” เผยเคยสารภาพรักกับแฟน “โจวเหวินฟะ”


 

“หลิวเต๋อหัว” นักแสดงหนุ่มชื่อดังที่มักไม่ค่อยปรากฏตามรายการต่างๆ ได้ยอมออกมาเผยเรื่องราวชีวิตรักของตนเองออกรายการทีวีเป็นครั้งแรก โดยพูดถึงข่าวลือกับบรรดานักแสดงสาวในอดีตด้วย              ก่อนที่จะมาลงเอยแต่งงานมีลูกสร้างครอบครัวกับ แครอล ชู แฟนสาวที่คบหากันมายาวนาน หลิวเต๋อหัวก็เคยผ่านประสบการณ์ความรักมาแล้วเช่นกัน โดยเขาเผยผ่านทางรายการวาไรตีของจีน เกี่ยวกับบรรดาข่าวลือในอดีตระหว่างเขากับเพื่อนนักแสดง สาวทั้ง เหมยเยี่ยนฟาง, เฉินอวี้เหลียน และ กวนจือหลิน โดยระบุว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยสารภาพรักกับเฉินอวี้เหลียน แล้ว แต่ถูกปฏิเสธ              โดยหลิวเต๋อหัว พูดพร้อมกับหัวเราะออกมาว่า “ถ้าผมไม่มีแฟน ผมว่าเฉินอวี้เหลียน อาจจะได้เป็นแฟนผม”              “คือ หลังจากนั้น ผมมารู้ด้วยว่าเธอเป็นแฟนของโจวเหวินฟะ ไอดอลของผม ดังนั้น ผมก็เลยหยุดคิดเรื่องนั้นเลย ผมเคยสารภาพกับเธอเหมือนกันนะว่าผมชอบเธอ แต่เธอก็แค่หัวเราะตอบผมแค่นั้น”              เขายังบอกต่อไปด้วยว่าเขากับ เหมยเยี่ยนฟาง ต่างก็เคารพและเข้าใจในกันและกัน และมีโอกาสได้พบเจอกันเพื่อกินข้าวกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ              นักแสดงหนุ่มใหญ่วัย 51 ปี ยังยอมรับด้วยว่า เขามองกวนจือหลินน่ารักและมีเสน่ห์มากๆ ทั้งภายนอกและภายใน “โชคไม่ค่อยดีครับที่ตอนนั้นผมมีคนที่คุยด้วยอยู่แล้ว ดังนั้น ผมเลยไม่ได้คิดเรื่องนั้น!”       

วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อุกอาจ! วงจรปิดจับภาพแก๊งทวงหนี้โหดเบนซินราดเผารถยนต์ ก่อนยิงถล่มบ้านเสียหาย





อุกอาจ! วงจรปิดจับภาพแก๊งทวงหนี้โหดเบนซินราดเผารถยนต์ ก่อนยิงถล่มบ้านเสียหาย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 6 ต.ค. ร.ต.อ.จิระศักดิ์ แอบแฝง ร้อยเวรสอบสวน สภ.บางละมุง สาขาหนองปรือ ได้รับแจ้งคนร้ายก่อเหตุ เอาน้ำมันก๊าดลาดรถยนต์แล้วเผาทำลาย ก่อนใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่ม ในซอยมาบยาเลีย 41 หมู่บ้านตาตะวัน เลขที่ 56/25 ม.5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำชุดสืบสวน พร้อมกำลังตำรวจสายตรวจ รุดไปตรวจสอบ

เมื่อไปถึงพบว่าทางเข้าของหมู่บ้าน ถูกโรยด้วยตระปูเรือเกลื่อนเต็มถนน เพื่อไม่ให้สามารถไล่ติดตามคนร้ายได้ทัน ส่วนบริเวณหน้าบ้านจุดเกิดเหตุ มีรถยนต์กระบะ โตโยต้า วีโก้ สีบอนส์-เทา ทะเบียน กพ 3963 นนทบุรี จอดอยู่ในสภาพกระจกบานหลังแตก มีร่องรอยการถูกเผาจนไหม้เกรียมทั่วคัน ซึ่งติดกับรถคันดังกล่าว เจอปลอกกระสุน ชนิดอาวุธสงคราม ตกอยู่ประมาณ 20 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

นอกจากนี้ภายในบ้าน ตรงที่จอดรถยังมีรถยนต์เก๋ง โตโยต้า แคมรี่ สีขาว ทะเบียน ฆฎ 6691 กทม. ซึ่งจอดไว้ถูกยิงด้วยอาวุธสงคราม เข้าที่กระจกหลัง ทะลุมาด้านหน้า จนเป็นรูพรุน ทั้งนี้ตัวบ้านก็ถูกยิงจนเสียหายหลายจุดเช่นเดียวกัน

สอบสวน นายเนียม โหว่สงคราม อายุ 68 ปี เจ้าของบ้าน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตน พร้อมครอบครัว กำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่นั้น จู่ๆได้ยินเสียงปืน ยิงถล่มเข้ามาให้บ้าน จึงหาที่หลบ ก่อนเห็นว่ารถยนต์ของแฟนหนุ่ม ของลูกสาว ซึ่งจอดไว้หน้าบ้านถูกเผา จนกระทั่งเสียงปืนสงบลง จึงเดินออกมาตรวจสอบ แล้วนำถังดับเพลิงมาฉีดสกัดเพลิงเอาไว้ได้ ก่อนรีบโทรแจ้งตำรวจทราบทันที

นายเนียม โหว่สงคราม ให้การต่อด้วยอีกว่า ส่วนสาเหตุตนเองเชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องเมื่อ 6-7 ปีก่อน ที่ตนเองนั้นไปเซ็นค้ำเงินกู้จำนวน 6 ล้าน ให้กับพี่สาวไปทำธุรกิจ จากนายทุนซึ่งเป็นเครือญาติห่างๆ โดยรับราชการเป็นทหาร จนบัดนี้หนี้สินยังชดใช้กันไม่หมด ซึ่งก่อนหน้านี้ นายทุน ก็โทรศัพท์มาข่มขู่ตนจึงเดินทางไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานแล้ว    
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าเมื่อช่วง เวลา 02.42 น. มีคนร้าย ขับขี่รถยนต์จักรยายนต์ เป็นชายจำนวน 2 คน สวมหมวกกันน็อคนิรภัยทั้งคู่ มาจอดตรงหน้ารถกระบะ วีโก้ จากนั้นลงมาแล้วนำน้ำมันก๊าดมาลาดจนทั่วคัน ส่วนอีกคนนั้นยืนถือปืนอาวุธสงครามคุมเชิงไว้อยู่ ก่อนจุดไฟเผา จากนั้นคนที่ถือปืน ก็ยิงถล่มเข้ามาในบ้าน กว่า 20 นัด ก่อนคนร้ายจะรีบวิ่งขึ้นรถจยย.หลบหนี พร้อมกับโรยกับดักเป็นตระปูเรือใบ เพื่อไม่ให้ในการติดตาม
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้ทำการสอบสวนผู้อีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด พร้อมกับลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน อย่างไรก็ตามจะนำภาพกล้องวงจรปิด ไปตรวจสอบแกะใบหน้าของคนร้าย เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามตัวคนร้ายดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ที่มา ข่าวสด


หนุ่มคลั่งยาจะโดดสะพาน-ระแวงเมียมีชู้



หนุ่มคลั่งยาจะโดดสะพาน-ระแวงเมียมีชู้ 

 เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 7 ต.ค.สภ.เมืองอ่างทอง รับแจ้งมีคนจะโดดสะพานลอยข้ามถนนเลี่ยงเมือง ต.ตลาดหลวง จึงไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยวีอาร์อ่างทอง พบนายสมชาย อินทกุล อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/2 ถนนเทศบาล 14 ต.ตลาดหลวง นั่งอยู่บนสะพานลอยห้อยขาอยู่ด้านนอกสะพานลักษณะเหม่อลอย เมื่อมีคนมุงดูจำนวนมาก นายสมชายก็กระโดดกลับเข้าไป เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปเจรจา จนทราบว่าทะเลาะกับภรรยา และให้คนรู้จักกันมาช่วยเกลี้ยกล่อม จนนายสมชายตัดสินใจยอมลงมา เดินกลับเข้าไปในบ้านพัก ปิดประตูอาละวาดซ้ำอีกครั้ง โดยมีอาวุธมีดเป็นมีดยาวและมีดพกติดตัวอีกหลายเล่ม เพื่อป้องกันไม่ไห้เข้าใกล้ตัว เพื่อนบ้านก็พยายามเจรจาให้สงบสติอารมณ์ ต้องจะใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงตำรวจจึงเข้าควบคุมตัวไว้ได้

 จากการสอบสวนนางเสาวลักษณ์ มนูญ อายุ 29 ปี ภรรยาของนายสมชายให้การว่า สามีเป็นคนงานก่อสร้าง เมื่อได้เงินมาก็จะนำไปซื้อเหล้าและซื้อยาบ้ามาเสพ เมาแล้วก็หาเรื่องทะเลาะกันเป็นประจำ ระยะหลังชอบกล่าวหาว่าตนมีชู้ มักเอามีดมากรีดแขนและบริเวณลำตัวของตัวเองประจำ ก่อนเกิดเหตุตนจะออกไปขายของในตลาด นายสมชายก็หาเรื่องทะเลาะอีก ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว อยากให้ตำรวจช่วยจับกุมไปสงบสติอารมณ์ หรือเอาไปบำบัดที่ไหนก็ได้ เพราะทุกวันนี้ตนกับลูกต้องอยู่กันอย่างหวาดระแวงกลัวว่าจะถูกทำร้าย


ที่มา ข่าวสด 

เหล่าเมียทหารมะกันร่วมเปลือย

เหล่าเมียทหารมะกันร่วมเปลือย ประณามชะตากรรมผัวป่วยเป็นโรคหดหู่ซึมเศร้าหลังสงคราม

คลิกชมภาพต่อไป

คลิกชมภาพต่อไป


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เหล่าภรรยาของทหารสหรัฐ ได้เปลือยแผ่นหลังพร้อมข้อความโจมตีชะตากรรมของเหล่าสามีพวกเธอ ซึ่งต้องป่วยเป็นโรคหดหู่ซึมเศร้าหลังสงครามอิรักและอัฟกานิสถาน ที่กลายเป็นประสบการณ์ฝันร้ายสำหรับพวกเขา โดยการเปลือยดังกล่าวเป็นแผนรณรงค์ของภรรยาทหารมะกันนาม"แอชลียร์ ไวส์"ที่มีสามีป่วยมีอาการดังกล่าว หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในอิรักเป็นครั้งที่สอง โดยเธอต้องเครียดและหดหู่หลังจากสามีของเขาหนีออกจากบ้าน และขังตัวเองในห้องของโรมแรมพร้อมอาวุธจำนวนมาก ก่อนที่สามีเธอจะถุกตำรวจทหารจับกุมตัว และขู่จะปลดจากกองทัพในข้อหาประพฤติตัวไม่เหมาะสม แม้ว่าเธอจะต้องการให้ทางการสหรัฐช่วยเหลือสามีเธอก็ตาม
โดยนางแอชลีย์ได้เขียนบนข้อความบนแผ่นหลังว่า หัวใจสลายจากการสู้รบ เจ็บปวดจากสงคราม ฉันรักคุณและขอสาบานว่า ฉันจะทำให้ความเงียบของคุณต้องกรีดร้องดัง เพื่อช่วยเยียวยาจิตใจที่แตกซ่าน และข้อความดังกล่าวสะเทือนถึงความรู้สึกเหล่าภรรยาทหารสหรัฐคนอื่น ๆ ซึ่งได้เลียนแบบเขียนข้อความนี้ และบันทึกภาพร่วมกันเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต
ด้านนางแอชลีย์ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นว่า เธอต้องการให้ชะตากรรมของสามีเธอเป็นสิ่งที่สังคมโลกได้ตระหนัก และให้ผู้คนพูดถึงอาการหดหู่ซึมเศร้าจากสงคราม(PTSD) ส่วนภรรยาทหารอเมริกันอีกรายที่ต้องสูญเสียสามีจากเหตุฆ่าตัวตายบอกว่า ทหารอเมริกันมีเรื่องราวมากมายที่ต้องการจะพูด แต่ไม่มีใครฟัง
ที่มา สนุกดอทคอม 


'เรืองไกร' จ่อยื่น ป.ป.ช.สอบ 'ชูวิทย์' ปกปิดทรัพย์สิน




"ชูวิทย์" เจอดี "เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ"  อดีต ส.ว.สรรหา เตรียมยื่น ป.ป.ช.ฟัน วันพรุ่งนี้ (8 ต.ค.) กล่าวหาปกปิดทรัพย์สิน ต่อเติมอาคารผิดกฎหมายหรือไม่ ...
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ  อดีต ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ในวันที่ 8 ต.ค.นี้จะยื่นเรื่องร้องต่อประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย กรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อ เท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 263 หรือไม่ ทั้งนี้ จากกรณีที่ตำรวจชุดเฉพาะกิจ บช.น.ได้เข้าตรวจค้นสถานบริการไฮคลาส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ ตั้งอยู่บนอาคาร 5 ชั้น เลขที่ 55/2 ถนนรัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตดินแดง กรุงเทพ โดยเปิดบริการอาบ อบ นวด พบว่าเข้าข่ายกระทำผิดใช้ใบอนุญาตผิดประเภท และมีข้อน่าสังเกตว่า เป็นอาคารเดียวกันกับที่นายชูวิทย์ ได้แจ้งไว้ในหมวดของโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ตอนเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2554 หรือไม่ เนื่องจากมีเลขที่ตั้งตรงกันโดย นายชูวิทย์ ได้แจ้งว่าเป็นอาคารตึก 4 ชั้น มูลค่าปัจจุบัน 10 ล้านบาท อีกทั้ง จากการตรวจสอบสำเนาโฉนดที่ดินจากสำนักงานที่ดินหรือสำนักงานเขต พบว่าอาจมีที่ตั้งตรงกับสถานบริการไฮคลาสฯ                

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบงบการเงินซึ่งอาจเป็นผู้เช่าอาคารดังกล่าว เข้าใจได้ว่าเตียง โทรทัศน์ น่าจะเป็นทรัพย์ของเจ้าของอาคารซึ่งถือเป็นสังหาริมทรัพย์ที่ควรแจ้งไว้ใน บัญชีฯด้วย ดังนั้นหากข้อเท็จจริงที่ปรากฏเป็นอาคารเดียวกัน มูลค่าที่แสดงอาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริง  อีกทั้งไม่ปรากฏการแสดงรายได้ค่า เช่าจากสถานบริการไฮคลาสฯ แต่อย่างใด จึงอาจมีการหลบเลี่ยงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วย ดังนั้น ถ้าหากสถานบริการไฮคลาสฯ เป็นอาคารของนายชูวิทย์ ที่ได้แจ้งไว้ต่อ ป.ป.ช. จะถือเป็นการแจ้งบัญชีทรัพย์สินโดยไม่แจ้งราคาชั้นที่ 5 ที่มีการต่อเติม หรือไม่ และควรตรวจสอบว่าถูกต่อเติมถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ การใช้อาคารดังกล่าวเป็นสถานบริการอย่างว่านั้นจะเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์เกี่ยวกับการทำหน้าที่ของนายชูวิทย์ ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบบ่อนการพนันหรือสถานบริการอย่างเข้มข้น ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แต่กลับไม่ทราบว่าสถานบริการดังกล่าวมีการค้าประเวณี มีการปล่อยปละละเลย หรือละเว้นการทำหน้าที่ตรวจสอบอาคารที่ตนเองเป็นเจ้าของหรือไม่.
โดย: ทีมข่าวการเมือง
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์ 

ศาลนัดชี้ชะตา "นายมาร์ค บาสซีลีย์ ยูเซฟฟ์" ผู้สร้างหนังหมิ่นศาสนา



ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐเตรียมชี้ชะตา มาร์ค บาสซีลีย์ ยูเซฟฟ์ ผู้สร้างภาพยนตร์หมิ่นศาสนาจนทำให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลางว่ามีความผิดฐานละเมิดทัณฑ์บนหรือไม่ ในวันพุธนี้


วันนี้ (7 ต.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐจะเป็นผู้ชี้ขาดในสัปดาห์นี้ว่า ชายผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์หมิ่นศาสนา จนทำให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลางนั้น จะต้องถูกส่งกลับเข้าคุกโทษฐานละเมิดทัณฑ์บนหรือไม่
ทั้งนี้ นายมาร์ค บาสซีลีย์ ยูเซฟฟ์ วัย 55 ปี ชาวอเมริกันเชื้อสายอียิปต์ ซึ่งเป็นผู้สร้างภาพยนตร์หมิ่นศาสนา มีกำหนดที่จะต้องไปขึ้นศาลลอสแองเจลิส ในวันพุธที่ 10 ต.ค.นี้ หลังจากเคยถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฉ้อโกงธนาคารเมื่อปี 2553
ขณะที่อัยการระบุว่า นายยูเซฟฟ์ละเมิดทัณฑ์บน 8 ข้อด้วยกัน เช่น ให้การเท็จต่อเจ้าหน้าที่ทัณฑ์บนโดยใช้ชื่อปลอม ซึ่งตัวเขานั้นใช้อีกชื่อหนึ่งว่า นายนาคูลา บาสซีลีย์ นาคูลา ทำให้เขาถูกศาลสั่งคุมตัวไว้ก่อน โดยไม่ให้ประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี ด้วยความผิดฐานละเมิดทัณฑ์บน
เจ้าหน้าที่สหรัฐระบุด้วยว่า นายยูเซฟฟ์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างภาพยนตร์หมิ่นศาสนา ซึ่งเป็นชนวนเหตุให้เกิดปัญหารุนแรงขึ้นในตะวันออกกลาง และ มีผู้เสียชีวิตหลายสิบศพ ในจำนวนนี้รวมถึงนายคริสโตเฟอร์ สตีเว่นส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำลิเบีย เสียชีวิตระหว่างการชุมนุมประท้วงและโจมตีสถานกงสุลอเมริกันในเมืองเบงกาซีของลิเบีย เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา.
ที่มา เดลินิวส์ 

สาวโร่ร้องสื่อคดีนักเตะดังอนาจารไม่คืบหน้า









วันนี้ (7 ต.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย น.ส.ธนัยนันท์ พิพัฒนะคมนภัท อายุ 32 ปี เจ้าของธุรกิจเครื่องสำอาง ใน จ.สุพรรณบุรี  เดินทางเข้ายื่นหนังสือกับ นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีถูกนักฟุตบอลทีมสุพรรณบุรีเอฟซี กระทำอนาจารในร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.สุพรรณบุรี  เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา
น.ส.ธนัยนันท์ กล่าวว่า เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนเองพร้อมเพื่อนสาวรวม 4 คนได้พากันไปเที่ยวที่ร้านอาหารแห่งแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี ระหว่างนั้นมีนายวรวุฒิ วังสวัสดิ์ อายุ 31 ปี ทราบต่อมาว่าเป็นนักฟุตบอลทีมสุพรรณบุรีเอฟซี ได้เข้ามาขอนั่งร่วมโต๊ะด้วย แต่ตนไม่ยอมจึงได้ปฏิเสธไป โดยนายวรวุฒิได้นั่งที่โต๊ะติดกัน จากนั้นนายวรวุฒิ ได้เดินมาที่โต๊ะก่อนใช้มือตบศีรษะตน 1 ที คล้ายเป็นการหยอกล้อ ตนจึงให้ น.ส.กิ่งดาว วีระสุวรรณ หรือ กิ๊ฟ อายุ 35 ปี เพื่อนรุ่นพี่ที่มาด้วยกันไปบอกว่าตนไม่ชอบ อย่ามายุ่ง ซึ่งเขาได้มาขอโทษ ขณะที่ต่อมาระหว่างที่ลุกเต้นรำ กลับถูกนายวรวุฒิ ใช้มือจับก้น 1 ครั้ง ตนรู้สึกว่าถูกกระทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง และไม่พอใจอย่างมาก จึงได้ลุกจากโต๊ะเดินออกไปคุยกับ น.ส.กิ่งดาว ที่หน้าร้าน
"ขณะที่เดินกลับมาที่โต๊ะ กลับถูกนายวรวุฒิจับที่หน้าอก ดิฉันจึงได้ผลักเขา พร้อมต่อว่าทำไมถึงทำแบบนี้ เขาก็มีการผลักเรากลับ และได้ถูกนายวรวุฒิใช้หมัดตบที่ใบหน้า 1 ครั้ง อย่างแรง  ทางการ์ดของร้านจึงได้กันดิฉันออกไปที่หน้าร้าน ซึ่งเพื่อนของดิฉันที่มาด้วยกันได้พยายามเคลียร์กับนายวรวุฒิ ซึ่งเขาเองยืนกรานว่าไม่ได้ตบ และมีปากเสียงกัน ระหว่างนั้นเขาพยายามจะเข้ามาต่อยอีกรอบ น.ส.กิ่งดาว  ที่มาด้วยพยายามเข้าขัดขวางจึงถูกดึงผมลากไปกับถนนจากหน้าร้านไปที่ลานจอดรถ" น.ส.ธนัยนัทม์ กล่าวและว่า  หลังจากนั้นตนไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ไปตรวจร่างกายที่ รพ.เจ้าพระยายมราช แต่จนถึงวันนี้คดีกลับไม่มีความคืบหน้า รวมถึงไม่มีการออกมาขอโทษ หรือแสดงความรับผิดชอบจากนักฟุตบอลคนดังกล่าว
น.ส.ธนัยนันท์ กล่าวต่อว่า ต่อมาได้มีกระแสข่าวว่า นายวรวุฒิ ได้เข้ามาขอโทษและจ่ายค่าเสียหายให้ตนแล้วจำนวน 20,000 บาท ซึ่งตนยืนยันว่าไม่รู้เรื่อง และไม่เคยรับเงินค่าเสียหายดังกล่าวแต่อย่างใด แต่ที่ผ่านมาเคยได้รับการติดต่อจากผู้ใหญ่ของฝ่ายคู่กรณีมาขอไกล่เกลี่ย 2 ครั้ง แต่ก็ได้เงียบไป และที่ทำให้ตนรู้สึกแย่ไปกว่านั้นมีคนปล่อยข่าวว่าตนเป็นแฟนคลับของนายวรวุฒิ และพยายามเข้าไปทำความรู้จักนักฟุตบอลคนดังกล่าว แต่เจ้าตัวไม่เล่นด้วย ขณะเดียวกันตนเองซึ่งมีธุรกิจที่ จ.สุพรรณบุรี ได้รับผลกระทบอย่างมาก ที่ผ่านมาเคยถูกแฟนคลับของนายวรวุฒิ มาต่อว่า หาว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี และต้องการแบล็กเมล์นักฟุตบอลคนดังกล่าว
"ที่ดิฉันออกมาเรียกร้องไม่ต้องการเงินทอง แต่ต้องการกอบกู้ศักดิ์ศรีของตัวเองกลับคืนมา ทั้งที่เป็นฝ่ายถูกกระทำแต่ข่าวลือที่ออกมาเหมือนดิฉันเป็นฝ่ายผิด  ทั้งนี้ อยากขอความเป็นธรรม เพื่อต้องการให้นายวรวุฒิของมาขอโทษ ยอมรับในการกระทำของตัวเอง และไม่ทำพฤติกรรมอย่างนี้กับใครอีก" น.ส.ธนัยนัท์ กล่าวและว่า อยากเรียกร้องให้สโมสรต้นสังกัดให้พิจารณาโทษกับนายวรวุฒิ เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบกับพฤติกรรมของนักฟุตบอลในสังกัดด้วย.

ที่มา เดลินิวส์ 


ช็อกสาวคลั่งเทพเจ้า-เมายาฆ่าหั่นศพผัวป่วยอัมพฤกษ์







สยองกลางเมืองกรุง สาวคลั่งเมายา ลงมือฆ่าโหดสามีดีไซเนอร์ ก่อนหั่นศพยัดใส่กระเป๋าเดินทาง แยกศีรษะใส่ถุงโยนทิ้งน้ำ ตำรวจรวบตัวได้ทันควัน หิ้วตัวไปสอบสวนยังคงให้การวกไปวนมา แถมอ้างตัวเป็นร่างทรงของเทพอานนท์


เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (7 ต.ค.) พ.ต.ต.พรชัย ศรีมูล พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.บางขุนนนท์ รับแจ้งจาก เจ้าหน้าที่ รปภ. ธิติวงศ์อพาร์ทเม้นท์ เลขที่ 116/12 ซอยบางขุนนนท์ 12 แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย ว่าพบชิ้นส่วนมนุษย์ถูกยัดอยู่ในกระเป๋าเดินทาง จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. พ.ต.อ.เมธี รักษ์พันธ์ ผกก.สส.บก.น.7 พ.ต.อ.สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล ผกก.สน.บางขุนนนท์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์ รพ.ศิริราช และมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุพบกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่สีดำ ถูกวางทิ้งไว้อยู่บริเวณหน้าลิฟท์ชั้น 2 เมื่อเปิดออกก็พบถุงพลาสติกขนาดใหญ่แบบมีซิปสีดำลายการ์ตูนอยู่ภายในอีกชั้นหนึ่ง ด้านในพบศพผู้เสียชีวิตเพศชาย ถูกห่อด้วยผ้าห่มสีชมพูลายการ์ตูน สภาพสวมเสื้อยืดสีน้ำตาล นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ที่บริเวณข้อมือและข้อเท้าถูกมัดด้วยเชือกฟางสีเหลือง โดยศพดังกล่าวถูกตัดศีรษะ ข้อมือทั้ง 2 ข้าง และข้อเท้าขวาหายไป ส่วนข้อเท้าซ้ายถูกหั่นจนร่องแร่ง นอกจากนี้ยังพบบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคมตามร่างกายอีกหลายแผล ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ที่ก่อเหตุเอาไว้ได้ ทราบชื่อ น.ส.พรสุรีย์ ดีแผ่ว อายุ 36 ปี ซึ่งพักอยู่ที่ห้องเลขที่ 714 ชั้น 7 ของอพาร์ทเม้นท์ดังกล่าว จึงนำตัวไปสอบสวนที่ บก.น.7 แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถสอบปากคำได้ เนื่องจากยังพูดจาวกไปวนมา ลักษณะคล้ายคนเมายาเสพติด และอ้างตนว่าเป็นร่างทรงของเทพอานนท์
จากการสอบสวน นายสายัณ นวลพยา อายุ 52 ปี รปภ. ของอพาร์ทเม้นท์เกิดเหตุ ทราบว่า ในช่วงเช้า น.ส.พรสุรีย์ ได้เรียกให้ไปช่วยขนกระเป๋าเสื้อผ้าที่วางกองหน้าห้องพัก โดย น.ส.พรสุรีย์ บอกว่า กำลังจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่น และให้ตนนำเสื้อผ้าที่อยู่ในกระเป๋ากระเป๋าเดินทาง พร้อมถุงใส่เสื้อผ้า ไปแจกจ่ายกับพรรคพวก ตนจึงลากกระเป๋าทั้งหมดมาไว้ที่ชั้น 2 ก่อนจะทำการเปิดประเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกดู ก็พบชิ้นส่วนมนุษย์อยู่ภายใน จากนั้นตำรวจได้เข้าตรวจสอบภายในห้องของ น.ส.พรสุรีย์ ก็พบอุปการณ์การเสพยาเสพติด 1 ชุด และรอยคราบเลือดติดที่ผนังหัวเตียง นอกจากนี้ที่บานประตูทุกบานที่อยู่ในห้องมีการลงยันต์อักขระ พร้อมกันนี้ยังพบเทียนไขขนาดใหญ่ที่ไว้ใช้ชุดบูชาเทพเจ้า ชุดถือศีลสีขาวกองอยู่กับพื้น 1 ชุด สมุด 1 เล่ม ภายในเขียนยันต์ลวดลายต่างๆ จึงเก็บทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
ด้าน พล.ต.ต.ปริญญา รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า เบื้องต้นทราบแล้วว่าผู้เสียชีวิตคือ นายประสิทธิ์ ศรีสมบุญญานนท์ อายุ 47 ปี สามีของ น.ส.พรสุรีย์ ซึ่งมีอาชีพเป็นดีไซเนอร์ โดยทั้งสองพักด้วยกันอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ดังกล่าว เป็นเวลากว่า 9 ปีแล้ว นอกจากนี้จาการสอบปากคำพยานแวดล้อม ให้การว่า เห็น น.ส.พรสุรีย์ ผู้ต้องหานำถุงพลาสติกขนาดใหญ่มาโยนทิ้งคลองบางกอกน้อย ด้านหลังอพาร์ทเม้นท์ จึงคาดว่าจะเป็นอวัยวะส่วนที่เหลือที่หายไป  ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดประดำน้ำได้ลงค้นหาที่บริเวณท่าน้ำดังกล่าว โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็พบถุงพลาสติกแบบมีซิปสีขาวลายการ์ตูน เมื่อนำขึ้นมาตรวจสอบ ก็พบศีรษะของนายประสิทธิ์ห่อด้วยผ้าขนหนูสีเหลือง โดยใบหน้ามีสภาพถูกฟันด้วยของมีคมจนเละ แต่ยังไม่พบชิ้นส่วนที่เหลือคือ ข้อมือทั้ง 2 ข้าง และข้อเท้าขวา ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการเร่งค้นหาต่อไป
พล.ต.ต.ปริญญา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ ได้แจ้งข้อหา ฆ่าคนตายโดยเจตนา และปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพเพื่อปิดบังสาเหตุการตาย แก่ น.ส.พรสุรีย์ แม้ว่าในขณะนี้ผู้ต้องหาจะยังให้การอะไรไม่ได้ ซึ่งต้องรอให้สงบสติอารมณ์ ก่อนจะทำการสอบปากคำอีกครั้ง และจากการตรวจสอบสารเสพติดภายในปัสสาวะของผู้ต้องหา พบว่ามีสีม่วง จึงคาดว่าเหตุที่ น.ส.พรสุรีย์ ลงมือฆ่าหั่นศพ นายประสิทธิ์ สามี เนื่องจากเกิดอาการเมายาเสพติด หรือเกิดอาการคลั่งลัทธิบางอย่าง โดยหลังจากนี้จะนำตัว น.ส.พรสุรีย์ ส่งให้แพทย์ทำการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นคนวิกลจริตหรือไม่.
ที่มา เดลินิวส์ 

วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2555

รวบคาหนังคาเขา ผู้ต้องสงสัยวางระเบิดป่วนใต้



ตำรวจสายตรวจ 191 ยะลา รวบคาหนังคาเขา ผู้ต้องสงสัยวางระเบิดป่วนใต้ หลังพบใช้ถุงพลาสติกปิดทะเบียนรถ แถมไม่กล้าแตะวัตถุต้องสงสัยที่นำไปวางไว้หน้าร้านค้า...



วันนี้ (7 ต.ค.55) เวลา 10.30 น. เกิดเหตุคนร้ายจำนวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยใช้ถุงพลาสติกปิดป้ายทะเบียนไว้ แล้วนำวัตถุต้องสงสัยไปวางไว้ที่หน้าร้านขายน้ำแข็ง ตั้งอยู่ริมถนนวิฑูรอุทิศ 1 เขตเทศบาลนครยะลา แล้วขับรถหลบหนีไปทางมัรกัส ม.3 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา แต่โชคดีมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 191 สภ.เมืองยะลา ตั้งจุดตรวจอยู่ จึงได้สามารถจับกุมตัวได้ และนำมาสอบสวนในที่เกิดเหตุ พร้อมให้ผู้ต้องสงสัยทั้งสองคนเข้าไปเปิดห่อที่นำมาวางไว้ แต่คนร้ายทั้งสองเมื่อเดินไปถึงห่อวัตถุต้องสงสัย แต่ไม่กล้าเปิดดู จนท.ตร.เชื่อว่าเป็นวัตถุระเบิดอย่างแน่นอน จึงได้ประสานไปยังชุดเก็บกู้ระเบิด ภจว.ยะลา เข้าตรวจสอบ




ส่วนคนร้ายทั้งสองคนทราบชื่อคือ นายฮามาดา หะยีดาโอ๊ะ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133/9 ม.7 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส และนายอับดุลเลาะ บาเห อายุ 25 ปี อยู่พื้นที่เดียวกัน ถูกควบคุมตัวเอาไว้ได้ ส่วนรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ หมายเลขทะเบียน ก.ร.ล.333 ยะลา และ จนท.ตร.ได้นำตัวไปสอบสวน ความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์ 

ว่อนเน็ต คลิปหลุดนางแบบ พ. นัวเนียดาราหนุ่ม ก.






ว่อนเน็ต คลิปหลุดนางแบบ พ. นัวเนียดาราหนุ่ม ก.

เป็นกระแสฮือฮาในโลกไซเบอร์อีกแล้วคับทั่น! เมื่อจู่ๆ มีคลิปหลุดหน้าคล้าย นางแบบอักษรย่อ พ. โชว์เลิฟซีน ดาราหนุ่มอักษรย่อ ก. ในห้องนอนส่วนตัวโผล่ว่อนอินเตอร์เน็ต! แถมดูไปดูมาฝ่ายชายหน้าตาคล้ายอดีตแฟนนางเอกชื่อดังวิกหลายสีซะอีกด้วย..งานนี้ไม่รู้จะเป็นการแบล็กเมล์หรือเปล่า หรือจะเป็นการโฆษณาแฝง ต้องรอดูกันต่อไป !

ที่มาข่าวสด

ตบกระหึ่ม!!!สาวไทยคว่ำโสมขาว 3-1 เซต




ทีมลูกยางสาวไทย ฟอร์มยังจัดจ้าน เมื่อจัดการไล่ถล่มเกาหลีใต้ 3-1 เซต ในการแข่งขันวอลเลย์บอลเยาวชนหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2012 รอบจัดอันดับ 1-8 จะเข้าไปพบกับทีมอินเดียในรอบ 8 ทีมสุดท้าย 7 ต.ค.นี้...


6 ต.ค. การแข่งขันวอลเลย์บอลเยาวชนหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2012 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยใช้สนามแข่งที่ราชบุรีและนครปฐม ทีมชาติไทยลงสนามนัดสุดท้ายในรอบจัดอันดับ 1-8 พบกับทีมพลังโสม เกาหลีใต้ ที่สนามกีฬาจ.นครปฐม
เกมเซตแรกเป็นไปอย่างสูสี ผลัดกันนำผลัดกันตาม และเป็นเกาหลีใต้ที่ขึ้นนำ 16-15 ก่อนจะได้พักตามกฎเวลานอกทางเทคนิคครั้งที่ 2 จบเซตแรก ทีมสาวไทยพลิกกลับมาชนะเกาหลีใต้แบบตื่นเต้น 25-20
ถึงเซตที่ 2 เกาหลีใต้เล่นได้แน่นอนกว่าสาวไทย ทำให้ขึ้นนำไปก่อน 8-5 จากนั้นสาวพลังโสมมาดีในเซตที่ 2 ออกนำห่างทีมไทยห่างถึง 16-9 มีโอกาสไล่ตีเสมอแล้ว แต่สาวไทยไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ฮึดไล่ตามมาแบบมีลุ้น 17-20 แล้ว เกาหลีใต้เล่นได้ดีกว่าก่อนจะเฉือนเอาชนะไทยไปสุดมัน 26-24 ทำให้เสมอกัน 1-1 เซต ถือเป็นการเสียเซตแรกของไทยในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย
เริ่มเซตที่ 3 สาวไทยคุมเกมได้ดีกว่าเกาหลีใต้ และขึ้นนำไปก่อน 8-6 จากนั้นเกมทั้ง 2 ทีมเป็นไปอย่างคู่คี่สูสี และไทยเป็นฝ่ายนำอยู่ 16-15 และเป็นสาวไทยที่ฮึดตบเอาชนะเกาหลีใต้ไปได้แบบสุดมัน 25-23 กลับมานำ 2-1 เซต
ในเซตที่ 4 สาวไทยทำผลงานได้ดีอย่างเห็นได้ชัด ทำให้นำห่างถึง 16-8 แล้ว และเป็นสาวไทยที่โชว์ฟอร์มสุดยอดด้วยการเอาชนะเกาหลีใต้ไปได้อีก 25-13 ทำให้เอาชนะไป 3-1 เซต เป็นอันดับ 1 ของกลุ่มอี ผ่านเข้าพบกับทีมอินเดียในรอบ 8 ทีม 7 ต.ค.นี้

สรุปรอบ 8 ทีมสุดท้าย วันที่ 7 ตุลาคม
12.00 น. จีน-คาซัคสถาน
14.00 น. เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น
16.00 น. ไต้หวัน-อิหร่าน
18.00 น. ไทย-อินเดีย
โดย: ไทยรัฐออนไลน์
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์ 

รวบโจ๋อุดรฯ โพสต์ภาพเด็ก3ขวบเสพยา เป็นน้าชายอ้างจัดฉาก





ตร.อุดรฯ โชว์ฝีมือ รวบตัวโจ๋วัย 16 ปี  มือโพสต์ภาพเด็กหญิงวัย 3 ขวบ เสพยาลงเฟซบุ๊ก เบื้องต้นเจ้าตัวปัดไม่ได้ถ่ายเอง ที่สุดจนด้วยหลักฐานก้มหน้ารับสารภาพ เผยมีศักดิ์เป็นน้า ทำไปเพราะความคึกคะนอง ด้าน "พงศพัศ" เตรียมตั้งโต๊ะแถลงรายละเอียดพรุ่งนี้…

จากกรณีมีภาพสอนเด็กหญิงวัย 3 ขวบ เสพยาบ้าว่อนในเว็บไซต์สังคมออนไลน์ หรือเฟซบุ๊ก จนเป็นข่าวฮือฮา ทางตำรวจสืบสวนภูธรภาค 5 ได้เร่งแกะรอยจากทะเบียนรถยนต์ที่ปรากฏอยู่ภายในภาพถ่าย โดยพบว่าภาพถ่ายที่ถูกโพสต์ในเฟซบุ๊กเป็นของชายวัยรุ่นอยู่ที่ จ.อุดรธานี โดยโพสต์ภาพลงในชื่อ “เมาปลิ้น นะอุดรธานี”

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 ต.ค.นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังออกสืบสวน จนรู้ตัวมือโพสต์ภาพและควบคุมตัว นายเอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี พื้นเพเป็นชาว ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี เจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวมายังโรงพักเพื่อสอบสวน

เบื้องต้น นายเอ ให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้ถ่ายภาพเอง แต่ไปคัดลอกภาพมาจากที่อื่น แต่หลังจากถูกตำรวจสอบสวนเป็นเวลานาน ในที่สุดนายเอก็เปิดปากให้การรับสารภาพว่า เป็นคนถ่ายภาพและโพสต์ภาพเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ขณะกำลังทำท่าคล้ายกับเสพยาเอง โดยตนมีศักดิ์เป็นน้าของเด็ก เนื่อจากเป็นลูกสาวของพี่ชาย ที่ทำไปเพราะความคึกคะนอง แต่เป็นแค่การจัดฉากไม่ใช่ของจริง ตำรวจจึงควบคุมตัวนายเอไปยังบ้านเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมกับแจ้งต่อผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ยังให้ข้อมูลอะไรมากไม่ได้ โดยพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จะแถลงข่าวดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ (7 ต.ค.)

สำหรับเด็กที่ปรากฏอยู่ในภาพนั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะนำตัวมาตรวจสอบ โดยจะมอบให้กับทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือพัฒนาสังคมจังหวัด ตรวจดูเรื่องของสภาพจิตใจ และผลกระทบที่จะตามมา เพราะกระบวนการโพสต์มีภาพเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ดังนั้นเด็กอาจอยู่ในสภาพแวดล้อมที่พ่อ แม่ อาจติดยาเสพติด จะต้องนำปัญหานี้เข้าสู่การพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป.
โดย: ไทยรัฐออนไลน์

ที่มา ไทยรัฐออนไลนื 

พบศพแล้ว 18 !! นร.จีนถูกดินถล่มฝังทั้งเป็น



กู้ภัยจีนพบร่างนักดรียนทั้ง 18 ศพแล้ว หลังดินถล่มทับอาคารเรียน สืบเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อต้นเดือนที่แล้ว...

เมื่อ 5 ต.ค. เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจีนขุดพบร่างเด็กนักเรียนทั้ง 18 ศพ กับชาวบ้านอีก 1 ศพ ซึ่งถูกฝังทั้งเป็นใต้ซากอาคารแล้ว หลังเกิดเหตุดินถล่มในหมู่บ้านเจิ้นเหอ มณฑลยูนนาน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน จนทำให้โรงเรียนประถมศึกษาหยูฟังไถ่ ซึ่งมีชื่อเป็นทางการว่า โรงเรียนเทียนโถวกับบ้าน 2 หลังถูกโคลนหล่นทับ ขณะเด็กมาเรียนพิเศษเพื่อชดเชยคาบเรียนที่หยุดไปจากเหตุแผ่นดินไหว 5.6 ริกเตอร์ ก่อนหน้าเมื่อ 7 ก.ย. ที่มีผู้เสียชีวิต 81 ศพ บาดเจ็บกว่า 820 คน และไร้ที่อยู่อีก 201,000 คน ซึ่งเหตุครั้งนั้นทำให้เด็กขาดเรียน 20 วัน




ข่าวระบุ นายหยาง เจี้ยนปิง ผู้กำกับการตำรวจประจำเขตอี้เหลียง เผยว่า ทางการจัดส่งทหารกู้ภัย 50 นาย กระจายกำลังเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน เพราะสภาพดินที่ถล่มลงมาจนปิดกั้นแม่น้ำไม่ให้ไหลผ่าน กลายเป็นแอ่งขนาดใหญ่ เกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อชาวบ้าน จึงสั่งอพยพกว่า 800 คน ที่อาศัยตามริมน้ำ ขณะที่นักเรียนอีกอย่างน้อย 30 คน ในหมู่บ้านเจิ้นเหอที่ต้องกลับไปเรียนและไม่ได้รับอันตราย ก็จะย้ายไปเรียนที่โรงเรียนอื่นใกล้เคียงแทน






ทั้งนี้ ระบบความปลอดภัยของโรงเรียนในจีนถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน นับแต่เหตุแผ่นดินไหว 8.0 ริกเตอร์ที่มณฑลเสฉวน ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 80,000 ศพ รวมเด็กนักเรียนหลายพันคน เพราะข้าราชการและวิศวกรฉ้อโกงการก่อสร้างโรงเรียน แต่เหตุครั้งนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใด.



ที่มา ไทยรัฐออนไลน์